การดื่มนมดิบวันละ 1 ลิตร และ กินไข่ดิบวันละ 6 ฟอง ไม่ใช่สูตรสร้างสุขภาพที่ดี แต่เป็นพฤติกรรมเสี่ยงอย่างชัดเจน เพราะ “นมดิบ” คือ นมที่ยังไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน เชื้อโรคหลายชนิดที่มากับน้ำนมดิบ เช่น Salmonella, E. coli, Listeria, และ Campylobacter อาจยังคงอยู่ครบถ้วน และหากเข้าสู่ร่างกายก็สามารถทำให้เกิดอาการท้องร่วงรุนแรง ภาวะไตวาย หรือภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ จะมีโอกาสป่วยหนักได้มากกว่าคนทั่วไป ส่วน “ไข่ดิบ” ก็มีความเสี่ยงคล้ายกัน เพราะอาจปนเปื้อนเชื้อ Salmonella ทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ ปวดท้อง คลื่นไส้ ถ่ายเหลว และอาจลุกลามจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ในความเป็นจริง นมและไข่เป็นอาหารที่มีประโยชน์ แต่จะปลอดภัยเมื่อผ่านการปรุงสุกหรือผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรส์เท่านั้น นมเป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียม ช่วยให้กระดูกแข็งแรง เด็กควรดื่มวันละ 2 แก้ว ส่วนผู้ใหญ่และผู้สูงอายุเหมาะกับนมพร่องมันเนยวันละ 1-2 แก้ว ไข่ก็เป็นแหล่งสารอาหารชั้นดี อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ คนทั่วไปกินวันละ 1 ฟอง แต่ผู้มีโรคประจำตัวบางชนิด ไม่ควรกินเกิน 3 ฟองต่อสัปดาห์ เพื่อไม่เพิ่มภาระระบบเผาผลาญ การเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องจึงสำคัญมาก เพราะช่วยลดพฤติกรรมเสี่ยงที่เกิดจากความเข้าใจแบบผิด ๆ และทำให้คนหันมาเลือกวิธีดูแลสุขภาพที่เหมาะสมขึ้นในชีวิตประจำวัน
อย่าหลงเชื่อข้อมูลสุขภาพผิด ๆ
