mobile-menu
search icon mobile
search on header

<p>

จำนวนผู้เข้าชม 20,942,470
</p>

ครม. อนุมัติให้พื้นที่ จ. ภูเก็ต เป็นพื้นที่มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม จริงหรือ?

ตามที่มีการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง ครม. อนุมัติให้พื้นที่ จ. ภูเก็ต เป็นพื้นที่มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลจริง

ครม. มีมติเห็นชอบกำหนดให้พื้นที่เขตอนุรักษ์ เขตผังเมืองรวม เขตควบคุมอาคาร และเขตควบคุมมลพิษใน จ. ภูเก็ต เป็นเขตพื้นที่ที่ให้ใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และได้แบ่งพื้นที่ดังกล่าวออกเป็น 8 บริเวณ เพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในแต่ละบริเวณ เพื่อป้องกัน สงวน รักษา และคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม แหล่งธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมศิลปกรรมที่มีคุณค่าในบริเวณพื้นที่ จ. ภูเก็ตให้คงอยู่ได้อย่างสมดุลตามธรรมชาติเกิดความต่อเนื่อง และคงความสมบูรณ์ยั่งยืนต่อไปในอนาคต

มีกำหนดระยะเวลาใช้บังคับ 5 ปีนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

กำหนดพื้นที่ที่ให้ใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยให้จำแนกพื้นที่ออกเป็น 8 บริเวณ ดังนี้

– บริเวณที่ 1 ได้แก่ พื้นที่ในบริเวณที่วัดจากแนวชายฝั่งทะเลรอบเกาะภูเก็ตเข้าไปในแผ่นดิน

– บริเวณที่ 2 ได้แก่ พื้นที่ในบริเวณที่วัดจากแนวเขตบริเวณที่ 1 เข้าไปในแผ่นดิน เป็นระยะ 150 ม.

– บริเวณที่ 3 ได้แก่ พื้นที่ในบริเวณที่วัดจากแนวเขตบริเวณที่ 2 เข้าไปในแผ่นดิน เป็นระยะ 200 ม.

– บริเวณที่ 4 ได้แก่ พื้นที่ในเขตเทศบาลนครภูเก็ต เว้นแต่พื้นที่บริเวณที่ 1-3 และ 5-6 โดยจำแนกพื้นที่ ดังนี้ เขตอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมศิลปกรรม หรือย่านอาคารเก่า เขตหนาแน่นมาก มีแนวเขตตามพื้นที่เขตเทศบาลนครภูเก็ตทั้งหมด

– บริเวณที่ 5 ได้แก่ พื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางตั้งแต่ 40 ม. ถึง 80 ม.

– บริเวณที่ 6 ได้แก่ พื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางตั้งแต่ 80.01 ม. ถึง 140 ม. และพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางเกินกว่า 140.01 ม. ขึ้นไป

– บริเวณที่ 7 ได้แก่ พื้นที่ในเกาะภูเก็ตและเกาะบริวารต่าง ๆ นอกจากบริเวณที่ 1-6

– บริเวณที่ 8 ได้แก่ พื้นที่ทะเลรอบเกาะภูเก็ตและรอบเกาะบริวารต่าง ๆ

website 2628

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th หรือ โทร. 02-618-2323

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด