ตามที่มีการบอกต่อข้อมูลเรื่องหากทานแคลเซียมจะเสี่ยงหลอดเลือดหัวใจ หรือหินปูนเกาะหัวใจ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
กรณีที่มีผู้โพสต์ให้ข้อมูลว่า หากทานแคลเซียมจะเสี่ยงหลอดเลือดหัวใจ หรือหินปูนเกาะหัวใจ ทางสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า การกินแคลเซียมเสริมในขนาดที่เหมาะสม ไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดหัวใจ หรือหินปูนเกาะหัวใจแต่อย่างใด ซึ่งหินปูนที่เกาะอยู่บริเวณผนังหลอดเลือดหัวใจ เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมโดยธรรมชาติของหลอดเลือดที่เกิดจากคราบไขมันเกาะ การสร้างแคลเซียมเพิ่มขึ้นบริเวณที่เกิดการอักเสบเรื้อรัง การตรวจ Coronary Calcium Scoring CT บอกถึงความเสี่ยงของโรคหัวใจวายเฉียบพลัน
– ระดับหินปูน 0 ความเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันต่ำ
– ระดับหินปูน 1-10 ความเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันน้อย หรือเพียง 10%
– ระดับหินปูน 11-100 ความเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันปานกลาง แนะนำให้ออกกำลังกายและปรับอาหารให้เหมาะสม
– ระดับหินปูน 101-400 ปริมาณหินปูนปานกลางถึงสูง แนะนำการตรวจเพิ่มเติม
– ระดับหินปูน 400 ขึ้นไป อาจมีภาวะหลอดเลือดตีบแฝงอยู่ และมีโอกาสหัวใจวายเฉียบพลันสูง
แคลเซียม เป็นแร่ธาตุที่สำคัญ ใช้ในการสร้างกระดูกและฟัน นอกจากนั้นแคลเซียมมีบทบาทควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ การเต้นของหัวใจ การแข็งตัวของเลือดเมื่อมีบาดแผล การทำงานของระบบประสาท และช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์หลายชนิด เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์แคลเซียมเองได้ต้องได้รับจากอาหารหรือการกินแคลเซียมเป็นอาหารเสริม การขาดแคลเซียมจะทำให้มีการดึงแคลเซียมจากกระดูกและฟันไปใช้เพิ่มขึ้น ทำให้ความหนาแน่นและความแข็งแรงของมวลกระดูกลดลง ทำให้ความต้องการแคลเซียมแตกต่างในแต่ละช่วงวัย
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือประชาชนให้งดแชร์หรือส่งต่อข้อมูลที่เป็นเท็จไปในช่องทางสื่อโซเชียลต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันโรคทรวงอก สามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.ccit.go.th หรือ โทร. 02-547-0999
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การกินแคลเซียมเสริมในขนาดที่เหมาะสม ไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดหัวใจ หรือหินปูนเกาะหัวใจแต่อย่างใด ซึ่งหินปูนที่เกาะอยู่บริเวณผนังหลอดเลือดหัวใจ เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมโดยธรรมชาติของหลอดเลือดที่เกิดจากคราบไขมันเกาะ เป็นต้น
