ตามที่ได้มีข่าวปรากฎในสื่อออนไลน์ต่างๆ ในประเด็นเรื่อง ชายวัย 58 ปี เสียชีวิต หลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 2 ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลว่า ชายไทยอายุ 58 ปี เสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 2 นั้น ทางกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ชายไทยรายดังกล่าวยังไม่เสียชีวิต และเหตุการณ์เจ็บป่วยดังกล่าว มิได้เกิดจากการรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แต่อย่างใด แต่เกิดเนื่องจากผู้ป่วยรายนี้มีภาวะที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอยู่เดิมแล้ว
โดยวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 เพจเฟซบุ๊ก โรงพยาบาลพระปกเกล้า ได้เผยแพร่แถลงการณ์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า กรณีชาย อายุ 58 ปี ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวจากอาการแขน และขาซีกซ้ายอ่อนแรงฉับพลัน ที่มีอาการเกิดขึ้น 3 วัน หลังจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 ซึ่งต่อมาตรวจพบว่า สมองซีกขวาขาดเลือดขนาดใหญ่ และไม่ตอบสนองต่อการให้ยาละลายลิ่มเลือด มีผลทำให้เกิดภาวะสมองบวมอย่างมาก ระดับความรู้สึกตัวลดลง และต้องผ่าตัดกะโหลกศีรษะฉุกเฉินเพื่อลดความดันสมอง
ซึ่งเหตุการณ์เจ็บป่วยดังกล่าว “มิได้เกิดจากการรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19” แต่อย่างใด แต่เกิดเนื่องจากผู้ป่วยรายนี้มีภาวะที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอยู่เดิมแล้ว ทางโรงพยาบาลพระปกเกล้า จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน และไม่ควรเกิดความตระหนก จากกรณีดังกล่าวสิ่งที่เราต้องการจากประชาชนมากที่สุดในเวลานี้ นอกจากการปฏิบัติตัวตามแนวทางป้องกันโรคโควิด-19 ตามที่ทุกท่านทราบแล้ว ที่สำคัญคือต้องการให้ประชาชนได้รับวัคซีนให้เร็วและมากที่สุด และขอเชิญชวนทุกท่านลงทะเบียนเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตามที่รัฐบาลกำหนดเราจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย และวิธีการป้องกันตนเอง สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.ddc.moph.go.th หรือโทร. 1422
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ชายวัย 58 ปีรายดังกล่าวยังไม่เสียชีวิต และเหตุการณ์เจ็บป่วยดังกล่าว มิได้เกิดจากการรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แต่อย่างใด แต่เกิดเนื่องจากผู้ป่วยรายนี้มีภาวะที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอยู่เดิมแล้ว
หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
