จำนวนผู้เข้าชม 29,925,154

กินทุเรียนคู่กับแอลกอฮอล์ทำให้หมดสติได้

กินทุเรียนคู่กับแอลกอฮอล์ทำให้หมดสติได้ เป็นจริงในการเพิ่มความเสี่ยงอย่างมาก เพราะจะทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดแอลกอฮอล์ได้ ทำให้เสี่ยงต่อการหมดสติได้ ข้อแนะนำหากกินทุเรียนควรมีระยะห่างกับการดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 6 ชั่วโมง

แอลกอฮอล์มีฤทธิ์เป็น สารกดระบบประสาทส่วนกลาง (Central Nervous System Depressant) หมายความว่า มันจะไปชะลอการทำงานของสมองและระบบประสาททั้งหมด เมื่อดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในปริมาณมากและรวดเร็ว ร่างกายจะไม่สามารถเผาผลาญแอลกอฮอล์ได้ทัน ทำให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบต่อสมองอย่างรุนแรง โดยเฉพาะส่วนที่ควบคุม

การรู้สึกตัว (Consciousness) เมื่อสมองส่วนนี้ถูกกดอย่างรุนแรง จะทำให้เกิดอาการง่วงซึม ซึมเศร้า และในที่สุดก็หมดสติหรือเข้าสู่ภาวะโคม่าได้

การหายใจ (Respiration) แอลกอฮอล์สามารถกดศูนย์ควบคุมการหายใจในสมอง ทำให้การหายใจช้าลง หายใจตื้นหรือไม่สม่ำเสมอ ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

การควบคุมอุณหภูมิร่างกาย (Temperature Regulation) แอลกอฮอล์ทำให้เส้นเลือดขยายตัว ทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนได้ง่าย นำไปสู่ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ (Hypothermia) ซึ่งอาจทำให้หมดสติและเป็นอันตรายถึงชีวิต

การควบคุมการทำงานของหัวใจ (Heart Rate Regulation) อาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือช้าลงได้

ภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ (Alcohol Poisoning) การหมดสติเป็นสัญญาณที่ร้ายแรงของภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่อาจถึงแก่ชีวิตได้ หากดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปในเวลาอันสั้น ร่างกายไม่สามารถกำจัดแอลกอฮอล์ได้ทัน ทำให้เกิดการสะสมของแอลกอฮอล์และสารพิษอะซิทัลดีไฮด์ในร่างกาย 

กินทุเรียนคู่กับแอลกอฮอล์ทำให้หมดสติได้

ทั้งนี้ กินทุเรียนคู่กับแอลกอฮอล์ ส่งผลให้เกิดอาการหมดสติได้ง่ายเพราะ สารกำมะถันในทุเรียน ซึ่งทุเรียนมีสารประกอบซัลเฟอร์ (กำมะถัน) สูง สารเหล่านี้มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ “Aldehyde dehydrogenase” (ALDH) ในตับ ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญที่ทำหน้าที่ย่อยสลายสารพิษ “อะเซทัลดีไฮด์” (Acetaldehyde) ที่เกิดจากการเผาผลาญแอลกอฮอล์ การสะสมของสารพิษ เมื่อเอนไซม์ ALDH ถูกยับยั้ง ทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดอะเซทัลดีไฮด์ได้อย่างรวดเร็ว สารพิษนี้จึงสะสมในร่างกาย ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น หน้าแดง ตัวร้อน วิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ และในกรณีที่รุนแรงอาจนำไปสู่อาการหมดสติ หรือถึงแก่ชีวิตได้

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด