ปัจจุบันพบการระบาดของไข้หวัดนก A(H5N1) ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมด้วย เช่น โคนม เสือ และหมูซึ่งเป็นข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่า ไวรัสมีการปรับตัวให้สามารถก่อโรคในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมได้ สถานการณ์ของโรคไข้หวัดนกในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วโลก มีแนวโน้มสูงขึ้น และสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา พบว่าเมื่อติดเชื้อแล้วผู้ป่วยจะมีอาการค่อนข้างรุนแรง และโรคไข้หวัดนก มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 40-50% เมื่อมองถึงความเสี่ยง ประเทศไทยมีพรมแดนติดกับกัมพูชา มีการเดินทางเข้าออกประเทศ รวมถึงการเคลื่อนย้ายสัตว์เข้ามาเพื่อการค้าขายในประเทศ จึงต้องเฝ้าระวังพื้นที่ตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด
สำหรับในประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังสถานการณ์โรคไข้หวัดนกทั้งในคน สัตว์และสัตว์ป่ารวมทั้งประเมินความเสี่ยง ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมควบคุมโรค กรมปศุสัตว์และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคติดต่ออุบัติใหม่และอุบัติซ้ำ ตามแนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว (One Health) มีการยกระดับการเฝ้าระวังป้องกันโรคไข้หวัดนก โดยจากเดิมที่เน้นการเฝ้าระวังในผู้ป่วยที่มีอาการระบบทางเดินหายใจ และมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีก แต่ปัจจุบันจะขยายการเฝ้าระวังไปยังผู้ที่มีประวัติสัมผัสฟาร์มโคนม และมีสัตว์ป่วย
ตายผิดปกติโดยได้แจ้งไปยังกรมปศุสัตว์แล้ว ส่วนการท่องเที่ยวฟาร์มสัตว์หรือการสัมผัสสัตว์นั้นยังสามารถทำได้แต่ต้องมีการป้องกันตัวเอง
ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนรับประทานอาหารที่ปรุงสุก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัตว์ปีก ไข่และผลิตภัณฑ์จากโคนม หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงสุก งดการบริโภคน้ำนมดิบ ควรบริโภคผลิตภัณฑ์จากนมที่ผ่านการพาสเจอไรซ์ หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีก สุกร หรือโคนมที่ป่วย หรือตาย ควรสวมหน้ากากอนามัย สวมถุงมือและล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัส หากมีอาการป่วยร่วมกับมีประวัติเสี่ยงช่วง 14 วันก่อนป่วยให้รีบพบแพทย์
