จำนวนผู้เข้าชม 30,369,966
ข่าวบิดเบือน
ผลิตภัณฑ์สุขภาพ

ข่าวบิดเบือน หากเด็กป่วยด้วยโรค RSV ไม่จำเป็นอย่าพาไปโรงพยาบาล เพราะต้องใส่ท่อช่วยหายใจทำให้ตกอยู่ในความเสี่ยง

ตามที่มีข่าวสารในสื่อต่าง ๆ ถึงเรื่องหากเด็กป่วยด้วยโรค RSV ไม่จำเป็นอย่าพาไปโรงพยาบาล เพราะต้องใส่ท่อช่วยหายใจทำให้ตกอยู่ในความเสี่ยง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน

กรณีที่มีการบอกต่อข้อมูลว่า หากเด็กป่วยด้วยโรค RSV ไม่จำเป็นอย่าพาไปโรงพยาบาล เพราะต้องใส่ท่อช่วยหายใจทำให้ตกอยู่ในความเสี่ยง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข่าวเก่าที่มีการนำเสนอไปเมื่อเดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา โดยได้มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของไวรัส RSV ในโคราช ที่ระบุว่า เมืองโคราช RSV ยังระบาดไม่หยุด เสียชีวิตแล้ว 1 อาการหนักระดับ ARDS อีก 2 หอผู้ป่วยล้นโซน ควบคุมโรครับใส่ท่อช่วยหายใจ แทบทุกคืนที่นอนในโรงพยาบาล และต้องใส่ออกซิเจนแรงดันสูง เสี่ยงหายใจล้มเหลวหลายราย โรงพยาบาลโดยรอบก็เจอสถานการณ์เดียวกัน อีกทั้งโรงพยาบาลเอกชนก็ล้นด้วย RSV กลุ่มที่อาการรุนแรงเวลานี้คือ เด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี เด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหอบ โรคปอดเรื้อรัง ทารกเกิดก่อนกำหนด เด็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เด็กอ้วน

อย่างไรก็ตาม โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนสำหรับเด็ก การป้องกันคือต้องแยกเด็กที่ป่วย
อย่าให้สัมผัสกับเด็กเล็กซึ่งเป็นไปไม่ได้ สำหรับสภาพครอบครัว ปกติทั่วไป อาการสำคัญ ไข้ ไอ น้ำมูกไหล อาการรุนแรงมักเกิดขึ้น ภายใน 72 ชั่วโมงหลังเริ่มมีไข้ นั่นคือหอบเหนื่อย และระบบหายใจล้มเหลว การรักษา คือรักษาตามอาการ ไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัส ปัจจัยเสี่ยงก็ตามข้างต้น

ปัจจัยที่มีผลมากอย่างหนึ่งของโรค RSV ก็คือ การได้ยาลดน้ำมูกอย่างต่อเนื่องในเด็กเล็ก โดยเฉพาะต่ำกว่า 1 ปี กลุ่มนี้เสมหะจะเหนียวมาก และอาจอุดกั้นทางเดินหายใจ เป็นเหตุให้อาการรุนแรงและหายใจล้มเหลวได้ เนื่องจากเสมหะในกลุ่มนี้เหนียวเข้าขั้นอุดตันในทางเดินหายใจ จึงจำเป็นต้องสอดท่อช่วยหายใจ ดังนั้นควรระมัดระวัง ในการใช้ยาลดน้ำมูกอย่างต่อเนื่องสำหรับเด็กในกลุ่มอายุน้อยกว่า 1 ปี

ทั้งนี้ ลักษณะอาการของโรคติดเชื้อไวรัส RSV มักเป็นสาเหตุของการเกิดโรคปอดอักเสบรุนแรงในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ไวรัส RSV จะมีชีวิตอยู่ภายนอกร่างกายได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยอาศัยอยู่ตามวัตถุต่าง ๆ เช่น ของเล่น บ้านบอล ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคติดเชื้อไวรัส RSV โดยตรง แต่ใช้วิธีการรักษาตามอาการ ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น หมั่นเช็ดถูทำความสะอาดของเล่นเด็กเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังพบเด็กป่วย เลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ

ส่วนคำแนะนำสำหรับผู้ป่วย หากป่วยเป็นโรคติดเชื้อไวรัส RSV ควรหยุดพักรักษาตัวที่บ้าน และสวมหน้ากากอนามัย หากผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้น เช่น หอบเหนื่อย ซึมลงรับประทานอาหารได้น้อย ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว

โรค RSV

ดังนั้นขอเตือนว่า ข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://ddc.moph.go.th/ หรือโทร 02-590-3000

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคติดเชื้อไวรัส RSV โดยตรง แต่ใช้วิธีการรักษาตามอาการ หากป่วยเป็นโรคติดเชื้อไวรัส RSV ควรหยุดพักรักษาตัวที่บ้าน และสวมหน้ากากอนามัย หากผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้น เช่น หอบเหนื่อย ซึมลงรับประทานอาหารได้น้อย ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว

  หน่วยงานที่ตรวจสอบ

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด