สำหรับการจ่ายเงินค่าสินค้าออนไลน์โดยการโอนเงิน ซึ่งไม่ยุ่งยากในการดำเนินการ แต่อาจจะไม่สะดวกต่อผู้ซื้อนั้น ทุกวันนี้ ธนาคารส่วนใหญ่ได้ให้บริการการทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ต หรือที่เรียกว่า “Internet Banking” ที่ทำให้ผู้ซื้อสามารถโอนเงินหรือจ่ายเงินอย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องไปที่ธนาคาร ซึ่งวิธีการทำธุรกรรมออนไลน์ที่มั่นคงและปลอดภัย เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้มีดังนี้
- จำกัดวงเงินการโอนหรือการจ่ายค่าสินค้า ซึ่งธนาคารพาณิชย์ชั้นนำหลายแห่งในประเทศไทยที่ให้บริการด้านธนาคารทางอินเทอร์เน็ต เปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการสามารถทำการจำกัดวงเงินในการโอน หรือจ่ายค่าสินค้าบริการให้อยู่ในขอบเขตที่ผู้ใช้บริการเห็นว่าเหมาะสมและเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการความเสี่ยงให้กับบัญชีบริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ตได้เป็นอย่างดี
- พิจารณาว่าเว็บไซต์ที่ใช้บริการนั้นมีการเข้ารหัส เช่น รหัส Secure Sockets Layer หรือ SSL ซึ่งนำข้อมูลมาเข้ารหัสพิเศษ ทำให้ข้อมูลที่ส่งไปยังปลายทางนั้นมีความมั่นคงปลอดภัยสูง รวมถึงการตอบกลับจากปลายทางมายังผู้ทำรายการ ซึ่งการเข้ารหัสนี้ จะสามารถถอดแปลงรหัสได้โดยที่ต้องอาศัยตัวแปลงรหัสซึ่งอยู่ที่ต้นทางและปลายทางเท่านั้น
- ระวังเว็บไซต์ประเภทฟิชชิ่ง (Phishing) ซึ่งเป็นกลวิธีในการหลอกลวงเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลส่วนตัว อันจะนำไปสู่การแสวงหาผลประโยชน์ที่อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ที่ถูกล่อลวง ข้อมูลส่วนตัวนั้นมักจะเป็นรหัสประจำตัวต่าง ๆ Password เลขที่บัตรเครดิต เลขที่บัญชี หรือเลขที่บัตรประชาชน
- กำหนด Password ที่มีความมั่นคงปลอดภัย ไม่ตั้ง Password ที่จำง่าย ถ้าเป็นนไปได้ให้ใช้ตัวอักษรผสมทั้งตัวพิมพ์เล็กและใหญ่ และไม่ควรเลือกฟังก์ชั่นจำ Password อัตโนมัติ