mobile-menu
search icon mobile
search on header

<p>

จำนวนผู้เข้าชม 21,067,351
</p>

ไทย-มาเลเซีย เปิดช่องทางพิเศษสำหรับผู้ฉีดวัคซีนครบโดส เดินทางได้โดยไม่ต้องกักตัว จริงหรือ?

ตามที่ได้มีข่าวสารปรากฎกล่าวถึงเรื่องไทย-มาเลเซีย เปิดช่องทางพิเศษสำหรับผู้ฉีดวัคซีนครบโดส เดินทางได้โดยไม่ต้องกักตัว ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

การเปิดช่องทางพิเศษแบบ Vaccinated Travel Lane (VTL) ระหว่างไทยและมาเลเซีย จะเริ่มอย่างเป็นรูปธรรมในกลางเดือนมีนาคมนี้ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งหารือเกี่ยวกับวิธีการเพื่อเปิดช่องทางเดินทางพิเศษระหว่างไทยและมาเลเซียสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วโดยไม่ต้องกักกันโรคแบบ Vaccinated Travel Lane (VTL) ซึ่งทั้งสองฝ่ายตอบรับในการหารือกันอย่างดี สำหรับการเดินทางทางอากาศ คาดว่าเที่ยวบิน และเส้นทางที่จะใช้สำหรับ VTL ซึ่งสายการบินที่กำหนดจากทั้งสองประเทศอาจจะได้รับอนุญาตให้ขึ้นบินสูงสุดถึง 6 เที่ยวบินต่อวันในเส้นทางกัวลาลัมเปอร์-กรุงเทพฯ และสูงสุด 4 เที่ยวบินต่อวันสำหรับเส้นทางกัวลาลัมเปอร์-ภูเก็ต ในขณะที่เส้นทางเพิ่มเติมอาจเพิ่มได้ตามรายละเอียดของข้อตกลงร่วมกันของทั้งสองประเทศ

ทั้งนี้ มาตรการเดินทางเข้ามาเลเซียทางอากาศ น่าจะคล้ายกับมาตรการ VTL ที่มาเลเซียทำกับสิงคโปร์ ซึ่งได้กำหนดว่าผู้เดินทางที่เข้าประเทศมาเลเซียจะต้องทำการทดสอบ RT-PCR สำหรับ Covid 2 วันก่อนออกเดินทาง และอีกครั้งหนึ่งเมื่อเดินทางถึง จึงจะได้เข้าประเทศโดยไม่มีการกักกัน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “การเจรจาเพื่อเปิดการเดินทางโดยช่องทางพิเศษนี้เป็นความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมอีกอย่างหนึ่ง ภายหลังพบกันระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยและมาเลเซีย ในโอกาสที่ดาโตะ ซรี อิซมาอิล ซาบรี ยาคบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันที่จะผลักดันเปิดช่องทางเดินทางนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการกระชับความร่วมมือของทั้งสองประเทศในการเปิดพรมแดนระหว่างกันอีกครั้ง คาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศฟื้นตัวทั้งด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และสร้างกิจกรรมทางสังคมของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณเขตเศรษฐกิจชายแดน หลังจากประสบกับผลกระทบของสถานการณ์ Covid – 19 ”

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th หรือโทร. 02 618 2323

 

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด