จากสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ ภาพรวมของปริมาณน้ำใน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวมอยู่ที่ 62% ของความจุทั้งหมด ซึ่งยังสามารถรองรับน้ำได้อีกในระดับที่น่าพอใจ
สำหรับเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งรับน้ำจากมวลน้ำเหนือที่ไหลบ่าในช่วงที่ผ่านมาขณะนี้มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 7,606 ล้าน ลบ.ม. หรือ 79.98% ของความจุอ่าง และยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 1,903 ล้าน ลบ.ม. และเพื่อเป็นการพร่องน้ำในเขื่อนหลัก รวมถึงการพิจารณาการระบายน้ำเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จึงมีการกำหนดปรับแผนระบายน้ำ 4 เขื่อนลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยมีการปรับแผนระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์ ดังนี้
– วันที่ 30 ก.ค. 68 จากเดิมระบายน้ำ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 18 ล้านลูกบาศก์เมตร
– วันที่ 31 ก.ค. 68 จากเดิมระบายน้ำ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 26 ล้านลูกบาศก์เมตร
– วันที่ 1 ส.ค. 68 จากเดิมระบายน้ำ 25 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 34 ล้านลูกบาศก์เมตร
– วันที่ 2 ส.ค. 68 จากเดิมระบายน้ำ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 40 ล้านลูกบาศก์เมตร
– วันที่ 3 ส.ค. 68 จากเดิมระบายน้ำ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 40 ล้านลูกบาศก์เมตร
– วันที่ 4 – 10 ส.ค. 68 คงการระบายน้ำที่ 40 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
สำหรับการปรับเพิ่มการระบายน้ำครั้งนี้ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างปริมาณน้ำในภาพรวม โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนทั้งเหนือน้ำและท้ายน้ำเป็นหลัก อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์น้ำเปลี่ยนไป ทางเขื่อนสิริกิติ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมพิจารณาปรับแผนการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ขณะนั้น เพื่อลดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน จึงขอให้ประชาชน เฝ้าระวัง และติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด
ช่วยกันหยุดข้อมูลบิดเบือน ลดความตื่นตระหนก