ข่าวบิดเบือน เด็กไทยต้องเสียค่าเทอม แต่เด็กต่างชาติได้เรียนฟรี โดยใช้ภาษีจากคนไทย

ตามที่มีผู้โพสต์ข้อมูลในสื่อออนไลน์เรื่องเด็กไทยต้องเสียค่าเทอม แต่เด็กต่างชาติได้เรียนฟรี โดยใช้ภาษีจากคนไทย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน

กรณีที่มีข้อความในอินเทอร์เน็ตระบุว่า เด็กไทยต้องเสียค่าเทอม แต่เด็กต่างชาติได้เรียนฟรี โดยใช้ภาษีจากคนไทย ทางสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลบิดเบือน เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยการจัดการศึกษาแห่งชาติกำหนดให้รัฐจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายอย่างเท่าเทียม ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

สพฐ. ได้ออกหนังสือเรื่องกำชับนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย แจ้งถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทุกเขต เพื่อซักซ้อมความเข้าใจและแสวงหาวิธีการในการรับนักเรียน เพื่อให้เด็กทุกคนที่อาศัยในผืนแผ่นดินไทยได้มีสิทธิและโอกาสเข้าเรียนอย่างเสมอภาค ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงได้กำชับหน่วยงานในสังกัดให้ดำเนินการรับนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย ให้เป็นไปตามระเบียบ/ประกาศ/แนวปฏิบัติของส่วนราชการ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ อย่างเคร่งครัด

การรับนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย หรือเด็กต่างด้าวเข้าเรียน ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ เรื่อง ให้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย สามารถสรุปได้ว่า

1. เด็กที่อายุไม่เกิน 18 ปี ที่อยู่ในเขตอำนาจของรัฐไทย ต้องได้รับการคุ้มครองอย่างเท่าเทียมกัน โดยห้ามเลือกปฏิบัติ เพราะเหตุเชื้อชาติ สีผิว ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมืองหรือทางอื่น ต้นกำเนิดทางชาติ ชาติพันธุ์ หรือสังคม ทรัพย์สิน ความทุพพลภาพ การเกิดหรือสถานะอื่น ๆ ของเด็ก

2. เด็กต้องได้รับการรับรองสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่า 12 ปี ที่รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย

3. การได้รับสิทธิตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพตามแนวนโยบายของรัฐบาลด้านการศึกษาที่จัดให้ทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาฟรี 15 ปี ตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

การรับนักเรียนกรณีที่นักเรียนไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย โดยดำเนินการตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการรับนักเรียน นักศึกษา เข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. 2548 ข้อ 6 การรับนักเรียน นักศึกษา ในกรณีที่ไม่เคยเข้าเรียนในสถานศึกษามาก่อน ให้สถานศึกษาเรียกหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่งตามลำดับ เพื่อนำมาลงหลักฐานทางการศึกษา ดังต่อไปนี้

1. สูติบัตร
2. กรณีไม่มีหลักฐาน ให้เรียกหนังสือรับรองการเกิด บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาบัตรทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน หรือหลักฐานที่ทางราชการจัดทำขึ้นในลักษณะเดียวกัน
3. ในกรณีที่ไม่มีหลักฐานตาม ข้อ 1 และ 2 ให้เรียกหลักฐานที่ทางราชการออกให้ หรือเอกสารตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้ใช้ได้ เช่น ทะเบียนประวัติของผู้ติดตาม ท.ร. 1/1 หนังสือรับรองการเกิด เพื่อจัดทำทะเบียนสำหรับบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร เป็นต้น
4. ในกรณีที่ไม่มีหลักฐานตาม ข้อ 1, 2 และ 3 ให้บิดามารดา ผู้ปกครอง หรือองค์กรเอกชน ทำบันทึกแจ้งประวัติบุคคล เป็นหลักฐานที่จะนำมาลงหลักฐานทางการศึกษา
5. ในกรณีที่ไม่มีบุคคลหรือองค์กรเอกชนตามข้อ 4 ให้ซักถามประวัติบุคคลผู้มาสมัครเรียน หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำลงรายงานบันทึกแจ้งประวัติบุคคล เป็นหลักฐานที่จะนำมาลงหลักฐานทางการศึกษาได้

ดังนั้นข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ สามารถติดตามได้ที่ http://www.ops.moe.go.th/ หรือโทร. 02-628-6346

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลบิดเบือน เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยการจัดการศึกษาแห่งชาติกำหนดให้รัฐจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายอย่างเท่าเทียม ซึ่ง สพฐ. ได้ออกหนังสือเรื่องกำชับนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย เพื่อให้เด็กทุกคนที่อาศัยในผืนแผ่นดินไทยได้มีสิทธิและโอกาสเข้าเรียนอย่างเสมอภาค ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ