mobile-menu
search icon mobile
search on header

<p>

จำนวนผู้เข้าชม 21,344,666
</p>

ข่าวจริง
ภัยพิบัติ

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในเดือนเม.ย. มีน้ำเหลือ 213.85 ล้าน ลบ.ม. หรือ 22% ของความจุอ่าง จริงหรือ?

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในประเด็นเรื่องเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในเดือนเม.ย. มีน้ำเหลือ 213.85 ล้าน ลบ.ม. หรือ 22% ของความจุอ่าง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นเขื่อนเก็บกักน้ำ 1 ใน 4 เขื่อนหลัก ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยในช่วงฤดูฝนปี 2566 ที่ผ่านมา เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์สามารถเก็บกักน้ำ ได้ประมาณ 1,019 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็นร้อยละ 106 ของความจุอ่างฯ ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวจะเป็นน้ำต้นทุน เพื่อใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 รวมระยะเวลาทั้งสิ้นกว่า 6 เดือน (1 พฤศจิกายน 2566-30 เมษายน 2567) รวมไปถึงเป็นน้ำต้นทุนเพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝน กรณีที่เกิดฝนทิ้งช่วงหรือฝนยังตกไม่สม่ำเสมอ ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2567 อีกด้วย

โดยกรมชลประทานได้วางแผนบริหารจัดการน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 (1 พฤศจิกายน 2566-30 เมษายน 2567) เพื่อสนับสนุนการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศน์ การเกษตร การอุตสาหกรรม และอื่น ๆ รวมปริมาณน้ำทั้งสิ้นกว่า 800 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากมีการใช้น้ำตลอดช่วงฤดูแล้งรวมทั้งสิ้นกว่า 6 เดือน ประกอบกับสภาพอากาศที่มีความร้อนสูง จึงทำให้ปริมาณน้ำลดลงตามลำดับ โดย ณ วันที่ 6 มกราคม 2567 มีปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ประมาณ 771.80 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ และในวันที่ 19 เมษายน 2567 มีปริมาณน้ำคงเหลืออยู่ที่ประมาณ 213.85 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 22 ของความจุอ่างฯ

ปัจจุบัน (1 พ.ค .67) ได้สิ้นสุดการบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้งปี 2566/67 แล้ว พบว่าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 159.95 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 17 ของความจุอ่างฯ ซึ่งเพียงพอที่จะสนับสนุนการใช้น้ำในช่วงต้นฤดูฝนกรณีที่เกิดภาวะช่วงฝนทิ้งช่วง ตามแผนจัดสรรน้ำในช่วงฤดูฝนปี 2567 ที่วางไว้ อีกทั้งยังเป็นการเตรียมพื้นที่อ่างเก็บน้ำไว้สำหรับรองรับน้ำฝนในช่วงฤดูฝนปี 2567 ที่จะมาถึงนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพอีกด้วย

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมชลประทาน สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.rid.go.th หรือโทร. สายด่วน 1460

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด