Customize Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorized as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

จำนวนผู้เข้าชม 29,700,554

สธ. เตรียมปรับแนวทางการรักษาในรพ. จาก 10 วัน เป็น 7 วัน และกลับไปแยกกักตัวที่บ้าน 3 วัน จริงหรือ?

ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับประเด็นเรื่องสธ. เตรียมปรับแนวทางการรักษาในรพ. จาก 10 วัน เป็น 7 วัน และกลับไปแยกกักตัวที่บ้าน 3 วัน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

แนวทางการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด 19 ที่ได้เริ่มไปเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งผู้ป่วยยังได้รับการรักษาฟรีทุกราย โดยกลุ่มอาการสีเขียว คือ ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย สามารถรักษาในโรงพยาบาลเครือข่ายที่มีสิทธิการรักษาอยู่เหมือนกับการรักษาโรคอื่น ๆ และสามารถใช้ระบบรักษาที่บ้าน/ชุมชน (HI/CI) หรือฮอสปิเทลได้เช่นเดิม รวมถึงการรักษาแบบผู้ป่วยนอก เจอ แจก จบ ส่วนผู้ป่วยอาการสีเหลืองและสีแดง ตามเกณฑ์ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ถือเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน สามารถใช้สิทธิ UCEP Plus เข้ารักษาในโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนที่อยู่ใกล้ได้ทุกแห่ง ซึ่งกรมสนับสนุนบริการสุขภาพและสพฉ. ได้ประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับโรงพยาบาลเอกชนแล้ว โดยกลุ่มอาการสีเหลือง ได้แก่ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจเร็ว หายใจเหนื่อย ปอดอักเสบ ถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน เด็กมีอาการหายใจลำบาก ซึมลง ไม่ดื่มนม หรือทานอาหารน้อยลง กลุ่ม 608 ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ อ้วน น้ำหนักเกิน 90 กิโลกรัม ส่วนกลุ่มอาการสีแดง ได้แก่ หอบเหนื่อย พูดไม่เป็นประโยคขณะสนทนา แน่นหน้าอก หายใจแล้วเจ็บหน้าอก ปอดอักเสบรุนแรง มีภาวะช็อก มีภาวะโคมา ซึมลง มีไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส นานกว่า 24 ชั่วโมง และค่าออกซิเจนในกระแสเลือดน้อยกว่า 94%

สำหรับจำนวนวันที่ต้องรักษาโควิด 19 ในโรงพยาบาล ซึ่งเดิมกำหนดไว้ว่า 10 วัน จะมีการหารือปรับลดเป็นลักษณะ 7 + 3 คือ รักษาในโรงพยาบาล 7 วัน และกลับไปแยกกักตัวที่บ้านต่ออีก 3 วัน เนื่องจากปัจจุบันมีข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับโควิด 19 มากขึ้น แต่ทั้งนี้จะมีการพิจารณาบนหลักของความปลอดภัย ส่วนยารักษาโควิด 19 โมลนูพิราเวียร์ที่นำเข้ามา จะใช้ทั้งในกลุ่ม 608 และคนทั่วไป เพื่อเปรียบเทียบผลการใช้กับยาฟาวิพิราเวียร์ หากได้ผลดีก็จะสามารถจัดหายาโมลนูพิราเวียร์จากแหล่งผลิตในจีนและอินเดียในราคาที่ใกล้เคียงกับยาฟาวิพิราเวียร์ได้ ส่วนยาแพกซ์โลวิดนั้นกำลังจะนำเข้ามา

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://ops.moph.go.th/public/ หรือโทร. 02 590 1000

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด