mobile-menu
search icon mobile
search on header

<p>

จำนวนผู้เข้าชม 20,823,112
</p>

ศบค. ยกเลิกพื้นที่ควบคุมสูงสุดจาก 23 จังหวัด เหลือ 0 จังหวัด จริงหรือ?

ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวสารในประเด็นเรื่อง ศบค. ยกเลิกพื้นที่ควบคุมสูงสุดจาก 23 จังหวัด เหลือ 0 จังหวัด ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงข่าวภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ศบค. เป็นประธานการประชุม ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล
หนึ่งในระเบียบวาระการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร และมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในการจัดงานช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยศปก.สธ.และศปก.ด้านการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ประชุมฯ เห็นชอบปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร มีผลตั้งแต่ 16 ธันวาคม เป็นต้นไป ดังนี้
– ยกเลิกพื้นที่ควบคุมสูงสุดจาก 23 จังหวัด เหลือ 0 จังหวัด
– เพิ่มพื้นที่ควบคุมจาก 23 จังหวัด เป็น 39 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชุมพร เชียงใหม่ เชียงราย ตรัง ตราด ตาก นครนายก นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พัทลุง พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แม่ฮ่องสอน ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ลำปาง ลำพูน สตูล สมุทรปราการ สมุทรสาคร สงขลา สระแก้ว สระบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี อุดรธานี และอุบลราชธานี
– เพิ่มพื้นที่เฝ้าระวังสูงจาก 24 จังหวัด เป็น 30 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ชัยนาท ชัยภูมิ นครปฐม นครพนม นครสวรรค์ น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ พิจิตร พะเยา แพร่ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สมุทรสงคราม สิงห์บุรี สุโขทัย สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อ่างทอง และอำนาจเจริญ
– เพิ่มพื้นที่สีฟ้า (นำร่องการท่องเที่ยว) จาก 7 จังหวัด เป็น 8 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี กระบี่ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี พังงา ภูเก็ต (จังหวัดอื่นดำเนินการบางพื้นที่ 18 จังหวัด)

และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th/th หรือโทร. 02-618-2323

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด