mobile-menu
search icon mobile
search on header

<p>

จำนวนผู้เข้าชม 21,101,517
</p>

มีมติเห็นชอบพักหนี้ช่วงวิกฤติโควิด ตรึงค่าไฟฟ้าไม่เกิน 4.20 บาท/หน่วย และราคาดีเซล 30 บาท/ลิตร จริงหรือ?

จากที่มีการนำเสนอข่าวสารในสื่อต่าง ๆ เรื่องมีมติเห็นชอบพักหนี้ช่วงวิกฤติโควิด ตรึงค่าไฟฟ้าไม่เกิน 4.20 บาท/หน่วย และราคาดีเซล 30 บาท/ลิตร ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลจริง

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแนวทางการแก้ไขหนี้ทั้งระบบ ดังนี้
1. ให้ความเห็นชอบมาตรการ จำนวน 3 มาตรการ ดังนี้ 1) มาตรการช่วยเหลือพักหนี้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) 2) มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบ และ 3) มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19 ตามโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
2. อนุมัติงบเงินงบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวน 2 มาตรการ ได้แก่ 1) มาตรการช่วยเหลือพักหนี้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) จำนวน 400 ล้านบาท 2) มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบ จำนวน 4,500 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 4,900 ล้านบาท และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

และมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน เป็นมาตรการต่อเนื่องจากมาตรการที่ดำเนินในช่วงเดือนกันยายนยน 2566 ถึงเดือนธันวาคม 2566 เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชชนและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีรายละเอียดดังนี้
มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและด้านไฟฟ้า
1.ราคาน้ำมันดีเซล บริหารราคาน้ำมันดีเซลในการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 โดยกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังร่วมกันบริหารจัดการราคาขายปลีก โดยใช้กลไกของภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
2.ราคา LPG บริหารราคาในการตรึงราคาขายปลีก LPG ที่ระดับ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 โดยกระทรวงพลังงานบริหารผ่านกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
3.ให้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) พิจารณาดำเนินการตรึงอัตราค่าไฟฟ้าที่ประกาศเรียกเก็บกับผู้ใช้ไฟฟ้ารอบเดือนมกราคม 2567 ถึงเดือนเมษายน 2567 ในอัตราไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วยต่อไป
4.ช่วยเหลือค่าไฟฟ้าของกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้า ไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเป็น กลุ่มเปราะบาง จะคงไว้ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย (คือลดไป 21 สตางค์ต่อหน่วย) ซึ่งจะเป็นการลดเป็นเวลา 4 เดือน ครอบคลุมรอบบิล มกราคม-เมษายน 2567 โดยคาดว่าจะมีกลุ่มเปราะบางที่ได้รับการช่วยเหลือจากมาตรการรวมทั้งสิ้นประมาณ 17.77 ล้านราย โดยรัฐจะใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 487.50 ล้านบาทต่อเดือน (ประมาณ 1,950 ล้านบาท สำหรับ 4 เดือน)

website stamp 3748

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ spm.thaigov.go.th หรือ โทร. 02-288-4000 ต่อ 4676

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด