จำนวนผู้เข้าชม 29,478,245

ภาษีสหรัฐฯ ทำข้าวไทยแพงกว่าเวียดนามถึง 60%

สินค้าส่งออกอย่างข้าวไทยแพงกว่าเวียดนามถึง 60% เพราะภาษีสหรัฐฯ ทางกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้ชี้แจงว่า ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2568 ราคาข้าวไทยชนิดข้าวหอมมะลิไทยมีราคาสูงกว่าราคาข้าวหอมเวียดนาม (Jas 5%) ประมาณ 60% แต่สำหรับข้าวทั่วไป เช่น ข้าวขาว 5% ไทยมีราคาส่งออกข้าวชนิดดังกล่าวสูงกว่าเวียดนามเล็กน้อย โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ข้าวไทยมีราคาสูงกว่าข้าวเวียดนามมาจากต้นทุนการผลิตข้าวไทยที่สูงกว่า และผลผลิตต่อไร่ที่ต่ำกว่าโดยไม่ได้เป็นผลมาจากการประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ที่ได้ประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 ในอัตรา 10%

สำหรับการส่งออกข้าวไทยตามสถิติกรมศุลกากร ไตรมาสแรกของปี 2568 (มกราคม-มีนาคม) ไทยมีปริมาณส่งออกข้าว 1.80 ล้านตัน ลดลง 28.29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ที่มีปริมาณส่งออกข้าวอยู่ที่ 2.51 ล้านตัน และมีมูลค่าส่งออกข้าว 1,140 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือ 38,850 ล้านบาท) ลดลง 30.36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเนื่องมาจากปริมาณผลผลิตข้าวโลกของทั้งประเทศผู้ส่งออกและผู้นำเข้าข้าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก ทำให้ผู้นำเข้าข้าวลดการนำเข้าลงประกอบกับการยกเลิกมาตรการระงับการส่งออกข้าวทุกชนิดของอินเดีย ทำให้ตลาดการค้าข้าวโลกมีการแข่งขันสูงทางด้านราคามากยิ่งขึ้น ซึ่งราคาส่งออกข้าวไทยสูงกว่าผู้ส่งออกข้าวอย่างอินเดีย เวียดนาม และปากีสถาน เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า

ภาษีสหรัฐฯ ทำข้าวไทยแพง

ในส่วนราคาส่งออกข้าวไทย (FOB) ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2568 เมื่อเปรียบเทียบกับเวียดนามพบว่า ข้าวขาว 5% ของไทยมีราคาใกล้เคียงกับเวียดนาม โดยข้าวขาว 5% ของไทยมีราคาเฉลี่ยตันละ 397-406 เหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ข้าวขาว 5% ของเวียดนามมีราคาเฉลี่ยตันละ 392-401 เหรียญสหรัฐฯ ราคาข้าวขาว 5% ของไทยสูงกว่าประมาณ 1.28% สำหรับข้าวหอมมะลิไทยมีราคาเฉลี่ยตันละ 958-963 เหรียญสหรัฐฯในขณะที่ข้าวหอมเวียดนาม (Jas 5%) มีราคาเฉลี่ยตันละ 568-590 เหรียญสหรัฐฯ ข้าวหอมมะลิไทยราคาสูงกว่าข้าวหอมเวียดนามกว่า 60%

อย่างไรก็ดี ไม่สามารถนำราคาข้าวหอมมะลิไทยมาเปรียบเทียบกับข้าวหอมเวียดนามได้โดยตรง เนื่องจากข้าวหอมมะลิไทยเป็นข้าวคุณภาพที่มีความเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากข้าวประเทศอื่น โดยมีคุณลักษณะพิเศษ มีกลิ่นหอม นุ่ม รสชาติอร่อย ซึ่งสามารถเพาะปลูกได้เพียงปีละครั้ง และมีราคาสูงกว่าข้าวหอมเวียดนาม โดยไม่เกี่ยวข้องกับการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ

แชร์ไปให้ได้รู้ ข้อมูลนี้บิดเบือน

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด