mobile-menu
search icon mobile
search on header

<p>

จำนวนผู้เข้าชม 21,095,603
</p>

ครม. เพิ่มค่าตอบแทนพนักงาน กปภ. พื้นที่เสี่ยงภาคใต้เป็น 7,000 บาทต่อเดือน จริงหรือ ?

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง ครม. เพิ่มค่าตอบแทนพนักงาน กปภ. พื้นที่เสี่ยงภาคใต้เป็น 7,000 บาทต่อเดือน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ปรับเพิ่มเงินค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่พนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัย จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากรายละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นรายละ 7,000 บาทต่อเดือน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ครม.ให้ความเห็นชอบ ซึ่งปัจจุบันกปภ.มีหน่วยงานในสังกัดที่มีสถานที่ตั้งในพื้นที่เสี่ยงภัย จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงหน่วยบริการที่อยู่ในสำนักงานเขตพื้นที่พิเศษ จำนวน 10 แห่ง จำนวนพนักงานรวม 211 ราย

สำหรับการปรับเพิ่มค่าตอบแทนพิเศษดังกล่าวจะทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 5.09 ล้านบาทต่อปี จากเดิม 12.72 ล้านบาท เพิ่มเป็น 17.81 ล้านบาท ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินในภาพรวมของกปภ. และรายได้ที่นำส่งเข้ารัฐ รวมถึงไม่กระทบต่อภาระงบประมาณหรือภาระการสูญเสียรายได้ของรัฐในอนาคต

ทั้งนี้สถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำและมีความเสี่ยงสูงสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกกลุ่มบุคคล โดยเฉพาะพนักงานบริการและควบคุมน้ำสูญเสียที่มีหน้าที่ซ่อมแซมท่อแตกท่อรั่ว ซึ่งเมื่อได้รับแจ้งเหตุต้องลงพื้นที่สำรวจหาน้ำสูญเสียและพนักงานผลิตเพื่อผลิตน้ำประปาอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงงานอื่นๆ ที่มีภารกิจจำเป็นต้องอยู่เวรประจำสำนักงาน ส่งผลให้การสรรหาบุคคลที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ค่อนข้างยาก และพบว่าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอื่นจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษ ในอัตรารายละ 7,000 บาทต่อเดือน ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (กส.) และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดังนั้นกปภ. จึงเสนอขอปรับเพิ่มเงินพิเศษ เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับรัฐวิสาหกิจอื่น และเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดแรงงานรวมทั้งสามารถรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพให้อยู่ปฏิบัติงานกับกปภ. ได้

ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://www.prd.go.th/th/page/item/index/id/1 หรือโทร 02-618 2323

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด