mobile-menu
search icon mobile
search on header

<p>

จำนวนผู้เข้าชม 20,471,926
</p>

ครม. อนุมัติเวนคืนที่ดินหลายตำบลใน อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ขยายถนนสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา จริงหรือ?

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อต่างๆ ประเด็นเรื่อง ครม. อนุมัติเวนคืนที่ดินหลายตำบลใน อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ขยายถนนสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชกฤษฏีกา “เวนคืนที่ดิน” ในพื้นที่หลายตำบลของอำเภอสามโคก จ.ปทุมธานี “เวนคืนสามโคก” เพื่อดำเนินโครงการขยายถนนและก่อสร้าง สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีการประเมินค่าเวนคืนครั้งนี้ รวม 4.5 พันล้านบาท สำหรับ “ถนนสายสะพานสามโคก” หรือชื่อทางการ ทางหลวงแนวใหม่ เชื่อมถนนวงแหวนด้านตะวันตก-จุดตัดถนนสาย 347 ไปสิ้นสุดที่จุดตัดถนนวงแหวนด้านตะวันออก ระยะทาง 14.347 กม. ใช้งบประมาณดำเนินการ 9,590 ล้านบาทหรือเกือบหมื่นล้านบาท เมื่อวันที่ 12 ต.ค.64 การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองควาย ตำบลบางเตย ตำบลสามโคก ตำบลบ้านปทุม และตำบลเชียงรากใหญ่ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้ คค. รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ คค. เสนอว่า

1. ปัจจุบันโครงข่ายการจราจรสายหลักในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลส่วนใหญ่เป็นการให้บริการการเดินทางในทางทิศเหนือ – ใต้ ไม่ได้ให้บริการการเดินทางในทางทิศตะวันออก – ตะวันตก โดยต้องใช้ระบบโครงข่ายถนนสายรองและสายย่อยในพื้นที่ ทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูง การเสริมโครงข่ายการจราจรสายหลักทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินโครงการเชื่อมโยงถนนสายหลักฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา คือ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 เมื่อพิจารณาโครงข่ายการจราจรในพื้นที่พบว่าปัจจุบันเป็นแนวเส้นทางเดิมของทางหลวงหมายเลข 3214 ซึ่งวางตัวในแนวทิศตะวันออก – ตะวันตก ที่มีศักยภาพจะเป็นถนนสายหลักได้ จึงเป็นเหตุผลที่จะพัฒนาโครงข่ายเชื่อมต่อผ่านเส้นทางดังกล่าว เพื่อเชื่อมโครงข่ายทางหลวงให้สมบูรณ์และเป็นการแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ และเป็นไปตามกรอบแนวทางการพัฒนาโครงข่ายถนนภายใต้แผนแม่บทสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
2. กรมทางหลวงจึงมีความจำเป็นต้องได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์โดยการเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3214 สายบางเตย – คลองเจ็ด ตอน บางเตย – บ้านพร้าว จังหวัดปทุมธานี ในท้องที่ตำบลคลองควาย ตำบลบางเตย ตำบลสามโคก ตำบลบ้านปทุม และตำบลเชียงรากใหญ่ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และพัฒนาโครงข่ายทางหลวงให้มีมาตรฐาน เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนเป็นการสนับสนุนการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ อันเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน รวมทั้งเพื่อให้เจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องได้มาโดยแน่ชัด
3. กรมทางหลวงได้ดำเนินการสำรวจและออกแบบรายละเอียดโครงการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3214 สายบางเตย – คลองเจ็ด ตอน บางเตย – บ้านพร้าว จังหวัดปทุมธานี มีจุดเริ่มต้น ที่ กม.0+000 – กม.9+358 รวมระยะทาง 9.358 กิโลเมตร วงเงินการก่อสร้าง 4,740 ล้านบาท มีปริมาณทรัพย์สินที่ต้องจัดกรรมสิทธิ์ ประกอบด้วยที่ดินประมาณ 461 แปลง สิ่งปลูกสร้างประมาณ 267 ราย ต้นไม้ยืนต้นประมาณ 187 ราย ค่าทดแทนและค่าเสียหายอื่น ๆ และค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด รวมค่าทดแทนในการเวนคืน รวมเป็นเงินประมาณ 4,467,620,000 บาท
4. กรมทางหลวงได้ดำเนินการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ได้รับผลกระทบกับโครงการก่อสร้างขยายทางหลวงแผ่นดินสายดังกล่าว ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. 2548 แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว
5. สำนักงบประมาณแจ้งว่า จะจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้ตามความจำเป็นและเหมาะสม เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับแล้ว

สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองควาย ตำบลบางเตย ตำบลสามโคก ตำบลบ้านปทุม และตำบลเชียงรากใหญ่ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3214 สายบางเตย – คลองเจ็ด ตอน บางเตย – บ้านพร้าว จังหวัดปทุมธานี

และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th/th หรือโทร. 02-618-2323

หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี

  หน่วยงานที่ตรวจสอบ

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด