mobile-menu
search icon mobile
search on header

<p>

จำนวนผู้เข้าชม 21,046,435
</p>

ครม. อนุมัติขยายเวลาเปิดรับนักท่องเที่ยว Special Tourist VISA ต่ออีก 1 ปี สิ้นสุด 30 ก.ย. 65 จริงหรือ?

ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวสารในสื่อต่าง ๆ เรื่อง ครม. อนุมัติขยายเวลาเปิดรับนักท่องเที่ยว Special Tourist VISA ต่ออีก 1 ปี สิ้นสุด 30 ก.ย. 65 ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 28 ก.ย. 2564 ได้เห็นชอบการขยายระยะเวลาการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) ต่อไปอีก 1 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย. 2564 นี้ ไปสิ้นสุด 30 ก.ย. 2565 ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยมีสาระสำคัญเป็นการอนุมัติประกาศกระทรวงมหาดไทย 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่องการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ Special Tourist Visa (STV) และเรื่องการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรได้เป็นกรณีพิเศษ เข้ามาท่องเที่ยวโดยเรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช)

การขยายระยะเวลาโครงการนี้จะสนับสนุนให้คนต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง ที่มีความประสงค์เดินทางมาพร้อมครอบครัวเพื่อพำนักในประเทศไทยระยะยาว (Long Stay) ตั้งแต่ 90-270 วัน เข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้มีการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาสู่ประเทศไทย ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เกิดการสร้างงาน อาชีพ รายได้ มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม

ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่า ผลการดำเนินงานในระยะ 1 ปีที่ผ่านมามีกลุ่มนักท่องเที่ยวมีศักยภาพและกลุ่ม Long Stay เดินทางเข้ามาประเทศไทยผ่านแนวทาง STV จำนวน 5,609 ราย สร้างรายได้ให้แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 1,243 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา ได้แก่ นักท่องเที่ยวจากจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ สเปน และโครเอเชีย จังหวัดที่นักท่องเที่ยวเดินทางหลังกักตัวมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ สุราษฎร์ธานี (เกาสมุย) ภูเก็ต อุดรธานี ชลบุรี(พัทยา) ปทุมธานี นนทบุรี เชียงใหม่ และระยอง โดยส่วนใหญ่พำนักในประเทศไทยเฉลี่ย 90 วัน

และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th/th หรือโทร. 02-618-2323

หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี

  หน่วยงานที่ตรวจสอบ

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด