mobile-menu
search icon mobile
search on header

<p>

จำนวนผู้เข้าชม 20,966,505
</p>

คนไทยทุกคน ทุกสิทธิการรักษา ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ถึง 31 ธ.ค. นี้ จริงหรือ?

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลประเด็นเรื่อง คนไทยทุกคน ทุกสิทธิการรักษา ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ถึง 31 ธ.ค. นี้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นสิทธิประโยชน์ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่ สปสช.ร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดูแลประชาชนทุกสิทธิการรักษา มาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปีนี้ได้เพิ่มกลุ่มเป้าหมายบุคลากรด่านหน้าที่ปฏิบัติงานในสถานการณ์โควิด-19 และประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่มีการรวมตัวกัน เช่น ชุมชนแออัด ตลาด โรงเรียน ขนส่งสาธารณะ รับบริการเพิ่มเติม ซึ่งถือว่าได้ครอบคลุมคนไทยทุกคน

ประโยชน์ของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ช่วยในการป้องกันการเกิดโรคที่รุนแรงและเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ะบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งช่วยลดความสับสนในการตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาระหว่างโรคไข้หวัดใหญ่และโรคโควิด-19 ได้ โดยประชาชนสามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่พร้อมกับวัคซีนโควิด-19 ได้ ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุข ตามรายละเอียดหนังสือ ที่ สธ. 0410.12/ ว922 ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2564 ถึงนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เรื่อง “คำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิด-19” โดยมีสาระสำคัญตอนหนึ่งว่า ให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่พร้อมกับวัคซีนโควิด-19 ได้

ทั้งนี้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2564 สปสช.ขอเชิญชวนคนไทยทุกคนเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ที่หน่วยบริการหรือสถานพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ได้ทุกแห่ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ทุกแห่ง ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ กทม. และคลินิกเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ หรือสถานพยาบาลตามสิทธิที่ท่านไปรักษาเป็นประจำ แนะนำให้โทรนัดรับบริการล่วงหน้าก่อน เพื่อลดความแออัดในการเข้ารับบริการวัคซีน

โดยกลุ่มเสี่ยงเดิมที่ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี เป็นประจำทุกปี ได้แก่

1. หญิงมีครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป

2. ผู้มีโรคเรื้อรัง ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หัวใจ หอบหืด ไตวาย หลอดเลือดสมอง เบาหวานและผู้ป่วยมะเร็ง ที่อยู่ระหว่างการได้รับยาเคมีบำบัด

3. ผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป

4. เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี

5. ผู้พิการทางสมอง ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้

6. โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อHIVที่มีอาการ)

7. ผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกายตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร

อย่างไรก็ตามในปี 2564 เนื่องจากอยู่ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 จึงได้มีการขยายเพิ่มเติมอีก 3 กลุ่มเสี่ยงครอบคลุมทุกช่วงอายุ เพื่อทำให้ประชาชนปลอดภัยมากขึ้น ได้แก่

8. บุคลากรหรือผู้ปฏิบัติงานที่ให้บริการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19

9. กลุ่มที่อยู่สถานที่มีการรวมตัวของประชากรจำนวนมาก เสี่ยงต่อการระบาด เช่น ชุมชนแออัด โรงเรียน ตลาด ผู้ขับขี่รถสาธารณะ และ

10. กลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ขึ้นกับสถานการณ์ ซึ่งถือว่าครอบคลุมคนไทยทุกคน

และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.nhso.go.th หรือโทรสายด่วน 1330 หรือเพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. พิมพ์ @nhso สอบถามข้อมูล

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด