มีข้อมูลที่ทำให้สับสน แม้จากงานวิจัยที่ศึกษาความสัมพันธ์ของยีน ABCC11 (ATP-binding cassette sub-family C member 11) ซึ่งมีหน้าที่สร้างโปรตีน MRP8 และมีบทบาทในการกำหนดลักษณะของขี้หู (ชนิดเปียกหรือแห้ง) รวมถึงการทำงานของต่อมเหงื่ออะโพไครน์ (apocrine gland) จากงานวิจัยของประเทศญี่ปุ่นรายงานว่าผู้หญิงที่มียีน ABCC11 ชนิดที่ทำให้เกิดขี้หูเปียกและมีกลิ่นตัวอาจมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านม
แต่ตามความสัมพันธ์ดังกล่าวยังเป็นข้อมูลเบื้องต้นและยังไม่สามารถสรุปเป็นข้อเท็จจริงได้ เนื่องจากขนาดตัวอย่างการศึกษามีน้อยและผลการวิจัยในประชากรกลุ่มอื่น เช่น ประเทศเกาหลีและเยอรมนี ไม่พบความเชื่อมโยงในลักษณะเดียวกัน ทำให้ปัจจุบันยังไม่สามารถสรุปได้ว่าลักษณะของขี้หูหรือกลิ่นตัวเป็นปัจจัยเสี่ยงโดยตรงของมะเร็งเต้านม
สำหรับเรื่องกลิ่นตัวนั้น ส่วนมากเกิดจากเหงื่อไคลที่สะสมรวมกับแบคทีเรียบนผิวหนัง ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์โดยปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดกลิ่นตัว เช่น
-สภาพอากาศที่กระตุ้นให้เหงื่อออกมาก
-การไม่รักษาความสะอาดของร่างกาย
-การบริโภคอาหารที่มีกลิ่นแรง
ดังนั้น การมีกลิ่นตัวจึงไม่ใช่สัญญาณหรือปัจจัยที่บ่งชี้ถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านม และไม่ควรใช้เป็นเกณฑ์ในการวินิจฉัยหรือประเมินความเสี่ยงของโรคนี้
ทั้งนี้ ปัจจัยที่เป็นที่ยอมรับทางวิทยาศาสตร์ว่าเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม เช่น อายุที่มากขึ้น ความผิดปกติของยีน BRCA1 และ BRCA2 การมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่ การใช้ฮอร์โมนทดแทนหรือยาคุมกำเนิดเป็นระยะเวลานาน การดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงภาวะโรคอ้วน การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงร่วมกับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคและเพิ่มโอกาสในการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เรื่องสุขภาพอย่าให้ใครมาเตือนมั่ว ๆ