ตามที่ได้มีการให้ข้อมูลสภาพอากาศประเทศไทย เกี่ยวกับเรื่อง พรุ่งนี้เตรียมรับมือ กรมอุตุฯ แจ้งอากาศร้อนถึง 44 องศาเซียลเซียส ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
กรณีการเผยแพร่ข้อมูลสภาพอากาศประเทศไทย โดนระบุว่าในวันพรุ่งนี้ อากาศจะร้อนที่สุดในประเทศไทย สำหรับปีนี้ พื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน ที่ 44 องศาเซลเซียส ทางกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ชี้แจงถึงประเด็นนี้ว่า ข้อความนี้เป็นเท็จ และมิได้มีแหล่งที่มาจากกรมอุตุนิยมวิทยา อีกทั้งข่าวดังกล่าวไม่มีการระบุวันที่ ที่ชัดเจน
ซึ่งจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยในระยะนี้ (เดือนมิถุนายน 2564) ของประเทศไทย อยู่ระหว่าง 37-39 องศาเซลเซียส แต่อาจจะมีอากาศร้อนจัดได้บางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง อุณหภูมิสูงสุดที่ผ่านมาวัดได้ 40.3 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมือง จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 64 อุณหภูมิสูงสุดไม่ถึง 44 องศาเซลเซียส และตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. 64 เป็นต้นไป จะมีเมฆและฝน/ฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้นสภาวะอากาศจะคลายความร้อนลง และอ้างอิงจาก การพยากกรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 5 มิ.ย. – 11 มิ.ย. 64 พบว่าในช่วงวันที่ 5 – 11 มิ.ย. 64 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ยและประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น โดยในช่วงวันที่ 6 – 11 มิ.ย. 64 บริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อมิให้เกิดความสับสน และตื่นตระหนกขึ้นในสังคม หากมีสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพื่อเติมสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.tmd.go.th โทรสายด่วน 1182
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ข้อความดังกล่าวเป็นข้อความเท็จ และมิได้มีแหล่งที่มาจากกรมอุตุนิยมวิทยา โดยพยากกรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า พบว่าประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยในเดือนมิถุนายน 2564 จะอยู่ระหว่าง 37-39 องศาเซลเซียส
หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
