mobile-menu
search icon mobile
search on header

<p>

จำนวนผู้เข้าชม 20,471,926
</p>

ข่าวบิดเบือน
ผลิตภัณฑ์สุขภาพ

ข่าวบิดเบือน ใบย่านาง พลูคาว รางจืด ปั่นละเอียดต้มน้ำใช้ล้างพิษในร่างกายได้ 80-90%

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์เรื่อง ใบย่านาง พลูคาว รางจืด ปั่นละเอียดต้มน้ำใช้ล้างพิษในร่างกายได้ 80-90% ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน

กรณีที่มีการโพสต์ให้ข้อมูลแนะนำด้านสุขภาพโดยระบุว่า ใบย่านาง พลูคาว รางจืด อย่างละ 20 ใบ ปั่นละเอียด ต้มน้ำ 2 ลิตร 15 นาที สามารถล้างพิษในร่างกาย 80-90% ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ย่านาง พลูคาว และรางจืดมีสรรพคุณทางตำรายาด้านการดับพิษและลดไข้ ซึ่งอาจช่วยล้างพิษในร่างกายได้ แต่ยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยเรื่องปริมาณ และระยะเวลาที่เหมาะสมหากรับประทานร่วมกัน ซึ่งการรับประทานนานเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย เกิดการไม่สมดุลของธาตุและสารต่างๆ ในร่างกายได้ เนื่องจากพืชทั้ง 3 ชนิดเป็นยาเย็นทั้งหมด จึงควรระมัดระวังในการใช้สมุนไพรทั้ง 3 ชนิดร่วมกัน เนื่องจากข้อมูลยังน้อย ต้องรอหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้หัวข้อดังกล่าวเป็นการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อขายสินค้า ดังนั้น ควรใช้วิจารณญาณ หากไม่แน่ใจหรือมีโรคเรื้อรังควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนรับประทานสมุนไพรใดเพิ่มเติมจากยาที่ใช้อยู่เป็นประจำ อีกทั้งการรับประทานพลูคาวมากเกินไป จะทำให้อาเจียนได้ หรือถ้านำมาใช้ภายนอกในปริมาณที่มากเกินไป ก็จะทำให้เกิดอาการแพ้ที่ผิวหนัง ทำให้เป็นแผลพองได้ และควรระวังการใช้รางจืดในผู้ป่วยเบาหวาน เพราะอาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.dtam.moph.go.th หรือโทร. 02 5917007

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ย่านาง พลูคาว และรางจืดมีสรรพคุณทางตำรายาด้านการดับพิษและลดไข้ ซึ่งอาจช่วยล้างพิษในร่างกายได้ แต่ยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยเรื่องปริมาณ และระยะเวลาที่เหมาะสมในการรับประทานร่วมกัน ซึ่งการรับประทานนานเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด