Customize Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorized as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

จำนวนผู้เข้าชม 30,421,512

ข่าวปลอม อย่าแชร์! สคช. แถลงการณ์ ปปง. ยึดทรัพย์สินคืนจากแก๊งคอลเซนเตอร์ได้ เปิดให้เหยื่อยื่นเรื่องขอรับทรัพย์สินคืน

ตามที่มีข่าวสารเกี่ยวกับเรื่อง สคช. แถลงการณ์ ปปง. ยึดทรัพย์สินคืนจากแก๊งคอลเซนเตอร์ได้ เปิดให้เหยื่อยื่นเรื่องขอรับทรัพย์สินคืน ศูนย์คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือประชาชน ขอรับเงินคืน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

การส่งต่อข้อมูลที่ระบุว่า สคช. แถลงการณ์ ปปง. ยึดทรัพย์สินคืนจากแก๊งคอลเซนเตอร์ได้ เปิดให้เหยื่อยื่นเรื่องผ่านเพจเฟซบุ๊ก ศูนย์คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือประชาชน ขอรับเงินคืนทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า เพจดังกล่าวเป็นเพจปลอมที่จัดทำขึ้นโดยมิจฉาชีพ ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (ตุลาคม 2566-กรกฎาคม 2567) สำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มูลค่ากว่า 25,631 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่ารวมของการดำเนินการกับทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดทุกมูลฐาน (28 มูลฐาน เช่น พนันออนไลน์ ยาเสพติด เป็นต้น) ไม่ใช่การยึดหรืออายัดเงินหรือทรัพย์สินจากเเก๊งคอลเซนเตอร์เพียงอย่างเดียว และได้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในความผิดมูลฐานจำนวนประมาณ 5,288 ล้านบาท ไม่ใช่ขอให้คุ้มครองสิทธิผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน จำนวนประมาณ 12,000 ล้านบาท ตามที่โพสต์ดังกล่าวอ้างแต่อย่างใด

กรณีการยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายฯ ของสำนักงาน ปปง. ผู้ยื่นคำร้องต้องมีสถานะเป็นผู้เสียหายในความผิดมูลฐานที่ระบุจึงจะมีสิทธิยื่นคำร้อง เมื่อสำนักงาน ปปง. ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและในเว็บไซต์ของสำนักงาน ปปง. เพื่อแจ้งให้ผู้เสียหายมายื่นคำร้องแล้ว ผู้ยื่นคำร้องต้องพิจารณาว่า พฤติการณ์กระทำความผิดมูลฐานตามที่ระบุไว้ในประกาศของสำนักงาน ปปง. นั้น ตรงกับข้อเท็จจริงที่เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหายหรือไม่ โดยพิจารณาจาก

1. ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำผิดของผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ระบุไว้ในประกาศฯ
2. ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับช่วงเวลาที่มีการกระทำผิดที่ระบุไว้ในประกาศฯ
3. ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเลขคดีอาญารับคำร้องทุกข์ของพนักงานสอบสวนที่ระบุไว้ในประกาศฯ
4. ในคดี Call Center มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชื่อบัญชีหรือเลขที่บัญชีธนาคารที่ระบุไว้ในประกาศฯ ตรงกับชื่อบัญชีหรือเลขที่บัญชีธนาคารที่ผู้เสียหายได้โอนเงินไป หรือไม่ (ตรวจสอบได้จากสลิปการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือสอบถามจากธนาคารที่ผู้เสียหายเปิดบัญชีไว้ ฯลฯ)

ทั้งนี้ หากข้อเท็จจริงของผู้เสียหายตรงกับข้อเท็จจริงที่ระบุไว้ในประกาศของสำนักงาน ปปง. แล้วย่อมถือว่า เป็นผู้เสียหายที่มีสิทธิยื่นคำร้องเพื่อขอรับการคุ้มครองสิทธิได้ แต่หากข้อมูลไม่ตรงกับประกาศแล้ว ย่อมไม่มีฐานะเป็นผู้เสียหายที่จะมีสิทธิยื่นคำร้องในคดีนั้นได้

ช่องทางการยื่นคำร้อง มี 3 ช่องทาง ได้แก่
1. ยื่นด้วยตนเอง ณ สำนักงาน ปปง. หรือสถานที่อื่นที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด
2. ยื่นทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
3. ยื่นผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ตามที่สำนักงาน ปปง. กำหนด (จะมีการระบุไว้ในประกาศฯ) ซึ่งตามประกาศของสำนักงาน ปปง. กำหนดช่องทางการยื่นคำร้อง มี 3 ช่องทางดังที่กล่าวข้างต้นนี้เท่านั้น มิได้กำหนดให้ยื่นเอกสารทางอีเมลแต่อย่างใด

ขอรับเงินคืน

ดังนั้นขอเตือนให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ https://www.amlo.go.th/index.php/th/ หรือ โทร. 02-219-3600

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : เพจดังกล่าวเป็นเพจปลอมที่จัดทำขึ้นโดยมิจฉาชีพ การยื่นคำร้องฯ เพื่อขอรับเงินคืนผู้ยื่นคำร้องต้องมีสถานะเป็นผู้เสียหายในความผิดมูลฐานตามที่สำนักงาน ปปง. ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเท่านั้น และไม่สามารถยื่นคำร้องผ่านเพจเฟซบุ๊ก หรือ อีเมลได้

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด