Customize Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorized as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

จำนวนผู้เข้าชม 29,939,798

ข่าวปลอม อย่าแชร์! พฤติกรรมการดูดนิ้ว กัดเล็บ ของเด็กช่วยให้รอดพ้นจากโรคภูมิแพ้เมื่อโตขึ้นได้

จากที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อออนไลน์ในประเด็นเรื่องพฤติกรรมการดูดนิ้ว กัดเล็บ ของเด็กช่วยให้รอดพ้นจากโรคภูมิแพ้เมื่อโตขึ้นได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขพบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

ข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับพฤติกรรมการดูดนิ้ว กัดเล็บ ของเด็กช่วยให้รอดพ้นจากโรคภูมิแพ้เมื่อโตขึ้นได้ ทางสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า พฤติกรรมการดูดนิ้ว กัดเล็บ เป็นพฤติกรรมที่พบได้ในเด็กปกติโดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็ก และจะค่อย ๆ หายไปหลังอายุ 4 ขวบ ไม่ได้ช่วยให้เด็กรอดพ้นจากโรคภูมิแพ้เมื่อโตขึ้น ควรได้รับการแก้ไขหากยังมีการดูดนิ้ว กัดเล็บในเด็กอายุเกิน 4 ขวบขึ้นไป เพราะจะส่งผลกระทบกับการผิดรูปของฟัน การเกิดบาดแผลที่นิ้ว และเป็นช่องทางในการทำให้เกิดโรคติดเชื้อที่แพร่กระจายผ่านน้ำลายและสารคัดหลั่งต่างๆ ทั้งยังส่งผลกับด้านอารมณ์จิตใจ รวมถึงบุคลิกภาพของเด็กด้วย

อย่างไรก็ตามเด็กเล็กก็ควรได้รับการแก้ไขโดยการปรับพฤติกรรม ได้แก่ งดการให้ความสนใจการดูดนิ้ว กัดเล็บ และเบี่ยงเบนความสนใจโดยใช้กิจกรรมการเล่นที่ใช้มือ เช่น วาดภาพ ระบายสี พับกระดาษ เป็นต้น หากได้รับการแก้ไขดังกล่าวแล้วไม่ดีขึ้น แนะนำให้พบกุมารแพทย์หรือกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://www.childrenhospital.go.th/ หรือโทร Call Center 1415

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : พฤติกรรมการดูดนิ้ว กัดเล็บไม่เกี่ยวข้องและไม่สามารถป้องกันโรคภูมิแพ้ที่จะเกิดขึ้นกับเด็กในอนาคตได้

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด