Customize Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorized as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

จำนวนผู้เข้าชม 29,755,746

ยาฟาวิพิราเวียร์มีประสิทธิภาพช่วยผู้ป่วยโควิด 19 อาการดีขึ้น 79% จริงหรือ?

ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวสารในสังคมออนไลน์เรื่องยาฟาวิพิราเวียร์มีประสิทธิภาพช่วยผู้ป่วยโควิด 19 อาการดีขึ้น 79% ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

นพ.โอภาสกล่าวว่าเริ่มต้นโรคโควิด 19 เป็นโรคอุบัติใหม่ ยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะ บุคลากรทางการแพทย์จึงต้องหาวิธีในการรักษา โดยนำยาต้านไวรัสที่ขึ้นทะเบียนใช้อยู่เดิมและมีกลไกการออกฤทธิ์ที่น่าจะยับยั้งเชื้อได้มาทดลองใช้ อาทิ ยาต้านไวรัสเอชไอวี ยารักษาไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น และพบว่ายาฟาวิพิราเวียร์ที่ขึ้นทะเบียนกับ อย.ในการรักษาไข้หวัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยหลายรายอาการดีขึ้น ซึ่งในสถานการณ์การระบาดที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก การจัดหายามาใช้นอกจากประสิทธิภาพในการรักษาและความปลอดภัย ยังต้องพิจารณาเรื่องของจำนวนผู้ป่วยที่ต้องจัดหายามารองรับ และความสามารถในการจัดบริการด้วย ซึ่งยาฟาวิพิราเวียร์ประเทศไทยสามารถจัดหาจำนวนมากได้ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป และมีผลการรักษาที่ดี หากป่วยอาการไม่รุนแรงและใช้รักษาเร็ว จะลดโอกาสเกิดอาการรุนแรงและหายป่วยได้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านการรักษาและควบคุมป้องกันโรคได้พิจารณาร่วมกันอย่างรอบคอบแล้วจึงตัดสินใจนำมาใช้

นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ โดยศูนย์วิจัยทางคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมกับ สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยแบ่งศึกษาในผู้ป่วย 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 62 ราย ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ตามสูตร คือ 1,800 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้งในวันแรก และ 800 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง อีก 4 วัน ส่วนกลุ่มที่สอง 31 ราย ไม่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ ติดตามจากการประเมินอาการของผู้ป่วยและวัดปริมาณไวรัสในโพรงจมูก พบว่า ภายใน 14 วัน กลุ่มที่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์มีอาการดีขึ้น 79% ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้รับยาอาการดีขึ้น 32.3% โดยผู้ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์มีอาการดีขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 ของการรักษา และในวันที่ 13 และ 28 ของการรักษาจะมีปริมาณไวรัสต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้รับยา แต่มีข้อจำกัด คือ หากรักษาช้าและอาการค่อนข้างหนัก ประสิทธิภาพของยาจะไม่ดีนัก

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://ddc.moph.go.th/ หรือโทร 02-590-3000

  หน่วยงานที่ตรวจสอบ

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด