ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลถึงเรื่อง ปปง. เตรียมคืนเงินให้กับเหยื่อ เพียงส่งหลักฐานการโอนเงิน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน
จากกรณีที่มีผู้โพสต์ข้อมูลโดยระบุว่า ปปง. เตรียมคืนเงินให้กับเหยื่อ เพียงแค่ส่งหลักฐานการโอนเงินเท่านั้น ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า กรณีการยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายฯ ของสำนักงาน ปปง. ผู้ยื่นคำร้องต้องมีสถานะเป็นผู้เสียหายในความผิดมูลฐานที่ระบุจึงจะมีสิทธิยื่นคำร้อง เมื่อสำนักงาน ปปง. ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและในเว็บไซต์ของสำนักงาน ปปง. เพื่อแจ้งให้ผู้เสียหายมายื่นคำร้องแล้ว ผู้ยื่นคำร้องต้องพิจารณาว่า พฤติการณ์กระทำความผิดมูลฐานตามที่ระบุไว้ในประกาศของสำนักงาน ปปง. นั้นตรงกับข้อเท็จจริงที่เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหายหรือไม่ โดยพิจารณาจาก
(1) ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำผิดของผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ระบุไว้ในประกาศฯ
(2) ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับช่วงเวลาที่มีการกระทำผิดที่ระบุไว้ในประกาศฯ
(3) ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเลขคดีอาญารับคำร้องทุกข์ของพนักงานสอบสวนที่ระบุไว้ในประกาศฯ
(4) ในคดี Call Center มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชื่อบัญชีหรือเลขที่ บัญชีธนาคารที่ ระบุไว้ในประกาศฯ ตรงกับชื่อบัญชีหรือเลขที่บัญชีธนาคารที่ผู้เสียหายได้โอนเงินไป หรือไม่ (ตรวจสอบได้จากสลิปการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือสอบถามจากธนาคารที่ผู้เสียหายเปิดบัญชีไว้ ฯลฯ)
หากข้อเท็จจริงของผู้เสียหายตรงกับข้อเท็จจริงที่ระบุไว้ในประกาศของสำนักงาน ปปง. แล้ว ย่อมถือว่าเป็นผู้เสียหายที่มีสิทธิยื่นคำร้องเพื่อขอรับการคุ้มครองสิทธิได้ แต่หากข้อมูลไม่ตรงกับประกาศแล้ว ย่อมไม่มีฐานะเป็นผู้เสียหายที่จะมีสิทธิยื่นคำร้องในคดีนั้นได้
โดยสำนักงาน ปปง. กำหนดหลักฐานสำคัญที่ผู้เสียหายต้องยื่นมาพร้อมกับคำร้องฯ ได้แก่
1. ในการยื่นคำร้องผู้เสียหายจะต้องแนบหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปนี้ มาพร้อมกับคำร้องด้วยเสมอ (หากไม่แนบจะไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายนี้) ได้แก่
– สำเนาคำพิพากษาให้มีสิทธิได้รับการชดใช้ค่าเสียหายจากการกระทำความผิดมูลฐาน
– สำเนาหลักฐานการร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีอาญาในความผิดมูลฐาน
– สำเนาหลักฐานการฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากการกระทำความผิดมูลฐาน
2. นอกจากหลักฐานตามข้อ 1 ผู้เสียหายจะต้องยื่นเอกสารหลักฐานอื่น ๆ ตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด/ร้องขอ และภายในระยะเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนดอีกด้วย (หากไม่ยื่นอาจไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายนี้) ไม่ได้กำหนดให้ยื่นเพียงสลิปการโอนเงิน
และมีช่องทางการยื่นคำร้อง 3 ช่องทาง ได้แก่
1. ยื่นด้วยตนเอง ณ สำนักงาน ปปง. หรือสถานที่อื่นที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด
2. ยื่นทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
3. ยื่นผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ตามที่สำนักงาน ปปง. กำหนด (จะมีการระบุไว้ในประกาศฯ ไม่ได้กำหนดให้ยื่นเอกสารทางอีเมลแต่อย่างใด)
ดังนั้นข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าวเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สามารถติดตามได้ที่ https://www.amlo.go.th/index.php/th/ หรือโทร. 02-219-3600
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ผู้ที่สามารถยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิฯ ต้องมีสถานะเป็นผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน โดยพิจารณาจากพฤติการณ์กระทำความผิดมูลฐาน สำนักงาน ปปง. กำหนดหลักฐานสำคัญที่ผู้เสียหายต้องยื่นมาพร้อมกับคำร้องฯ ไม่ได้กำหนดให้ยื่นเพียงสลิปการโอนเงิน
