ตามที่มีการส่งต่อคำแนะนำเกี่ยวกับสุขภาพเรื่องใช้ปัสสาวะหยอดตา ช่วยแก้อาการปวดตาได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
จากกรณีที่มีการส่งต่อข้อมูลเกี่ยวกับการบรรเทาอาการปวดอันเนื่องมาจากใช้สายตาหนัก หรือแพ้แสงแดด โดยให้ใช้ปัสสาวะใหม่ ๆ หยอดตา เพื่อรักษาอาการข้างต้นนั้น กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่าการใช้น้ำปัสสาวะบำบัดยังไม่มีงานวิจัยทางคลินิกที่น่าเชื่อถือมาอ้างอิงว่ารักษาโรคได้จริง ซึ่งปัสสาวะ คือ ของเสียในรูปของเหลวที่ผลิตออกจากไต โดยกระบวนการกรองจากเลือดและขับออกจากท่อปัสสาวะ มีปริมาณ 1 ลิตรต่อวัน องค์ประกอบของปัสสาวะ 95 % เป็นน้ำ 2.5% เป็นยูเรียและที่เหลือประกอบด้วยสารเคมีอื่น ๆ โดยปัสสาวะอาจมีสีแตกต่างกันตามปริมาณน้ำตั้งแต่ใสไม่มีสี จนถึงสีเข้ม ในกรณีดื่มน้ำน้อยทำให้มีของเสียปะปนกับปัสสาวะมาก โดยทั่วไปปัสสาวะมีความเป็นกรดเล็กน้อย (ph6.0) อาจมีความเป็นกลางหรือด่างได้ขึ้นกับปริมาณน้ำที่ดื่ม อาหารและยาที่บริโภคโดยมีค่าความเป็นกรดด่างตั้งแต่ 4.6 ถึง 8.0
ทั้งนี้ หากนำปัสสาวะมาหยอดตาอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองตา ตาแดง มีแผลถลอกที่ตาเสมือนโดนสารเคมีเข้าตา นอกจากนี้ ปัสสาวะที่ออกมาตามท่อปัสสาวะ อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา หากนำมาหยอดตาอาจมีเชื้อโรคเข้าสู่ผิวตาทำให้เกิดภาวะเยื่อบุตาอักเสบ โรคตาแดง มีขี้ตา ตามัว หาก อาการลุกลามรุนแรงอาจเกิดภาวะกระจกตาอักเสบ ปวดตา ตาแดง หากรักษากระจกตาอักเสบได้ไม่ทันท่วงที การที่ติดเชื้อที่กระจกตาลุกลาม อาจต้องผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาหรือสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้ โดยเฉพาะผู้ที่ผิวกระจกตาไม่ดีอยู่เดิม เช่น ตาแห้ง ใส่คอนแทคเลนส์และมีแผลถลอกที่กระจกตา ยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่เชื้อโรคจะเข้าสู่กระจกตาได้ง่าย
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์ สามารถติดตามได้ที่ www.dms.go.th หรือโทร 02 5906000
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ยังไม่มีงานวิจัยทางคลินิกที่น่าเชื่อถือมาอ้างอิงว่าน้ำปัสสาวะรักษาโรคได้จริง ซึ่งหากนำปัสสาวะมาหยอดตาอาจทำให้ระคายเคืองตา และเกิดผลเสียมากกว่าผลดี