ตามที่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการตัดหรือดันจมูกเล็บเสี่ยงติดเชื้อ ทำให้เชื้อโรคเข้าไปได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง
การตัดหรือดันจมูกเล็บ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อเนื่องจาก
1. ทำลายเกราะป้องกันตามธรรมชาติ : จมูกเล็บทำหน้าที่เหมือนเกราะป้องกันป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เมื่อเราตัดหรือดันจมูกเล็บออก ก็เหมือนกับเปิดประตูให้เชื้อโรคเข้ามาได้ง่ายขึ้น
2. สร้างบาดแผล : การตัดหรือดันจมูกเล็บอาจทำให้เกิดบาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ บริเวณโคนเล็บ ซึ่งเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าไปสะสมและทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
3. เชื้อโรคสะสม : บริเวณใต้เล็บและรอบ ๆ เล็บมักมีเชื้อโรคสะสมอยู่ เมื่อมีบาดแผลเกิดขึ้น เชื้อโรคเหล่านี้ก็จะเข้าไปในแผลและทำให้เกิดการติดเชื้อได้
ผลกระทบจากการติดเชื้อ
1. อักเสบ : บริเวณที่ติดเชื้อจะแดง บวม ร้อน และเจ็บ
2. หนอง : อาจมีหนองไหลออกมาจากแผล
3. เล็บผิดรูป : ในกรณีที่ติดเชื้อรุนแรง อาจทำให้เล็บผิดรูปหรือหลุดร่วงได้
วิธีดูแลจมูกเล็บอย่างถูกต้อง
1. ไม่ตัดหรือดันจมูกเล็บ : ปล่อยให้จมูกเล็บหลุดออกไปเองตามธรรมชาติ
2. ตัดเล็บให้สั้นพอดี : ไม่ตัดเล็บให้สั้นเกินไปหรือตัดขอบเล็บ
3. ล้างมือ : โดยเฉพาะก่อนและหลังทำกิจกรรม
4. บำรุงผิวรอบเล็บ : ใช้ครีมบำรุงผิวเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้งแตก
หากมีอาการติดเชื้อ : ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
คำแนะนำเพิ่มเติม
1. หลีกเลี่ยงการกัดเล็บ : การกัดเล็บจะทำให้เกิดบาดแผลและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
2. ใช้เครื่องมือที่สะอาด : หากจำเป็นต้องตัดเล็บ ควรใช้เครื่องมือที่สะอาดและฆ่าเชื้อ
3. สวมถุงมือ : เมื่อต้องสัมผัสกับสารเคมีหรือสิ่งสกปรก
หมายเหตุ : ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำจากแพทย์ได้ หากมีอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์ทันที
ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.anamai.moph.go.th หรือ โทร. 02-590-4000
