ตามที่มีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องคณะกรรมการ ป.ป.ง. เร่งออกกฎหมายใหม่ คืนเงินจากแก๊งคอลเซนเตอร์ มีเงินคงค้างอยู่กว่า 1,200 ล้านบาท สามารถติดต่อขอเงินคืนผ่านเพจเฟซบุ๊ก ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
จากที่มีโพสต์ในสื่อออนไลน์ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ง. เร่งออกกฎหมายใหม่ คืนเงินจากแก๊งคอลเซนเตอร์ มีเงินคงค้างอยู่กว่า 1,200 ล้านบาท สามารถติดต่อขอเงินคืนผ่านเพจเฟซบุ๊ก ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลปลอม กรณีการดำเนินการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย สำนักงาน ปปง. มีการดำเนินการออกกฎกระทรวงการคืนหรือชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดและการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน พ.ศ. 2567 เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การนำเงินหรือทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้แก่ผู้เสียหายให้มีความชัดเจน อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
นอกจากนี้ เพื่อให้กระบวนการคืนเงินแก่ผู้เสียหายรวดเร็วยิ่งขึ้น ปัจจุบันสำนักงาน ปปง. อยู่ระหว่างจัดทำร่างกฎหมายฉบับใหม่เพื่อกำหนดกลไกให้ฝ่ายบริหารสามารถนำเงินไปคืนแก่ผู้เสียหายให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการจัดทำร่างฯ และยังต้องผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งยังไม่ได้มีการนำเสนอคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแต่อย่างใด ดังนั้น ข้อความดังที่มีการอ้างในเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวจึงเป็นข้อความเท็จ
อย่างไรก็ตาม สำนักงาน ปปง. ไม่เคยมีการเปิดให้ผู้เสียหายทุกรายคดียื่นคำร้อง หรือส่งหลักฐานการถูกหลอก ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ทุกช่องทางแต่อย่างใด ประชาชนอาจเข้าใจผิดคิดว่า เป็นเพจของสำนักงาน ปปง. รวมทั้งคิดว่า ข้อความดังกล่าวเป็นความจริง จึงอาจหลงเชื่อส่งข้อมูลส่วนตัว หลักฐาน หรือโอนเงินให้ ส่งผลให้เกิดความเสียหายได้
ดังนั้นขอเตือนให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ https://www.amlo.go.th/index.php/th/ หรือ โทร. 02-219-3600
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ข้อมูลที่มีการอ้างในเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวไม่เป็นความจริง การปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้ฝ่ายบริหารสามารถนำเงินไปคืนแก่ผู้เสียหายให้รวดเร็วยิ่งขึ้นยังอยู่ระหว่างการจัดทำร่างฯ และยังต้องผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก่อน ทั้งนี้ สำนักงาน ปปง. ไม่เคยมีการเปิดให้ผู้เสียหายทุกรายคดียื่นคำร้องหรือส่งหลักฐานการถูกหลอกผ่านสื่อสังคมออนไลน์แต่อย่างใด