จำนวนผู้เข้าชม 30,309,800

ข่าวเด่นประจำสัปดาห์ (วันที่ 18-24 ตุลาคม 2564)

ข่าวปลอมโครงการคนละครึ่ง ส่ง SMS ให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์สำหรับเฟส 4

กรณี SMS เรื่องการลงทะเบียนรับสิทธิ์ โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 นั้น ธนาคารกรุงไทย ได้ชี้แจงว่า ไม่มีนโยบายขอข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงิน และข้อมูลบัตรเดบิต ของประชาชนโดยการส่ง SMS แต่อย่างใด โดย SMS ดังกล่าวเป็นการกระทำของมิจฉาชีพ ที่แอบอ้างโครงการคนละครึ่ง หลอกขอข้อมูลส่วนตัว โดยส่ง Link ปลอมให้กรอกข้อมูลเพื่อยืนยันตัวตน และนำไปทุจริตโอนเงินออกจากบัญชีลูกค้า
อ่านเพิ่มเติมที่ bit.ly/3m0sx9P

 

ข่าวปลอมผู้ว่าฯ จังหวัดภูเก็ต แอบลักลอบนำมุสลิมต่างด้าวเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมาย
กรณีที่มีการโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพตามประเด็นข้างต้น ทางสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตได้ตรวจสอบโพสต์ดังกล่าวและชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตนับถือศาสนาพุทธ อีกทั้งไม่มีการลักลอบขนย้ายประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมายแต่อย่างใด
อ่านเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/3pxOzmr

 

ข่าวจริงกพท. ปลดล็อกให้ขายตั๋วโดยสารได้ตามความจุของเครื่องบิน มีผล 16 ต.ค. 64
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ออกประกาศแนวปฏิบัติสำหรับสายการบินและสนามบินภายในประเทศ มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. พ.ศ. 64 เป็นต้นไป ให้สายการบินขนส่งผู้โดยสารได้ตามความจุของเครื่องบิน แต่ยังงดทำการบินในระหว่างช่วงเวลาเคอร์ฟิวที่กำหนดไว้ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 35)
อ่านเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/3lME64u

 

ข่าวปลอมกทม. เตรียมรับมือพายุถล่มหนักที่สุด วันที่ 26 ต.ค. – 12 พ.ย. 64
จากกรณีข้างต้น ทางกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง ในช่วงวันที่ 24 – 29 ต.ค. ประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อย ส่วนภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนช่วงวันที่ 25 – 28 ต.ค. ที่หย่อมความกดอากาศต่ำจะก่อตัวบริเวณทะเลจีนใต้นั้น มีโอกาสที่จะแรงขึ้น แต่จะแรงขึ้นถึงเป็นพายุหมุนเขตร้อนได้หรือไม่ ต้องติดตาม
อ่านเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/3pz6Css

 

ข่าวปลอมพบแอปฯ ดูดเงินจากบัญชีธนาคารของประชาชน เนื่องจากข้อมูลจากธนาคารรั่วไหล มีผู้เสียหายจำนวนมาก
กรณีที่ปรากฏข่าวประเด็นข้างต้น ทางธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้รับทราบปัญหาและได้ตรวจสอบสถานการณ์ดังกล่าวพบว่า มิได้เกิดจากแอปดูดเงินตามที่ปรากฏเป็นข่าว และมิได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากธนาคาร แต่เป็นรายการที่เกิดจากการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่
อ่านเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/3vma5eY

  หน่วยงานที่ตรวจสอบ

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด